วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

Kata Adjektif

 Kata Adjektif  (คำคุณศัพท์)
  
         คำคุณศัพท์ คือคำที่แสดงหรือชี้แจงเกี่ยวกับลักษณะ สี ขนาด รูปร่าง ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และนามธรรม เช่น baik (ดี) jahat (ชั่ว) mudah (ง่าย) payah (ยาก) dekat (ใกล้) jauh (ไกล) besar (ใหญ่) kecil (เล็ก) cepat (เร็ว) lambat (ช้า) เป็นต้น

แบ่งออกตามลักษณะได้ดังนี้
            
            1. Kata Adjektif  Sifat (คำคุณศัพท์แสดงถึงรูปลักษณะ) 

    เช่น  ฉลาด , อ้วน , สูง , ต่ำ เป็นต้น

            2. Kata Adjektif Warna  (คำคุณศัพท์แสดงถึงลักษณะสี)
     
    เช่น ดำ , ขาว , แดง , เขียว เป็นต้น

            3. Kata Adjektif Ukuran (คำคุณศัพท์แสดงถึงการวัด)
   
    เช่น เล็ก , ใหญ่ , สั้น , ยาว เป็นต้น          
             
            4.Kata Adjektif  Bentuk (คำคุณศัพท์แสดงถึงรูปแบบ)
    
    เช่น เรียว , กลม , ตรง เป็นต้น

            5. Kata Adjektif Waktu  (คำคุณศัพท์แสดงถึงเวลา)
            
    เช่น เช้า , เที่ยง , เย็น , ก่อน , หลัง เป็นต้น
   
            6. Kata Adjektif Jarak    (คำคุณศัพท์แสดงถึงระยะทาง)
  
    เช่น  ใกล้ , ไกล , ห่าง เป็นต้น

            7. Kata Adjektif Cara (คำคุณศัพท์แสดงถึงลักษณะของเวลา)

    เช่น  เร็ว , ช้า  เป็นต้น
            
           8. Kata Adjektif Perasaan  (คำคุณศัพท์แสดงถึงความรู้สึก)

    เช่น  รัก , ชอบ , หึง , หวง

           9. Kata Adjektif Pancaindera  (คำคุณศัพท์แสดงถึงรสชาติ , ประสาทสัมผัส)
     
    เช่น  การมองเห็น , การได้ยิน , การได้กลิ่น , เป็นต้น 
     
     







วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

KATA TUGAS


KATA  TUGAS (คำบอกหน้าทีี่่่)

คำบอกหน้าที่ คือ  กลุ่มคำที่มีบทบาทต่างๆในประโยคโดยไม่สามารถจัดคำเหล่านี้ให้อยู่ในกลุ่มของคำนาม คำกริยา หรือคำคุณศัพท์ 


คำบอกหน้าที่ ที่สำคัญในภาษามลายูได้แก่

1. คำเชื่อม (kata hubung)
    เช่่่่น dan (และ) , atau (หรือ)

2. คำอุทาน (kata seru)
    เช่น amboi (โอ้โห) , aduh (โอ้ย)
               
3. คำบ่งบอกกาลเวลา (kata bantu aspek) 
    เช่น telah (แล้ว) , sedang (กำลัง) , akan (จะ)
               
4. คำปฏิเสธ (kata nafi) 
   เช่น bukan , (ไม่ใช่) , tidak (ไม่)

5. คำเน้นคุณศัพท์ (kata penguat) 
    เช่่่น benar (จริงๆ) , sangat (มากๆ) , terlalu (เหลือเกิน)
               
6. คำบุพบท (kata sendi) 
    เช่น dari (จาก) , kepada (แก่) , untuk (เพื่อ) และอื่นๆ



คุณสมบัติของคำบอกหน้าที่


⚫ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหลักในวลีคำกริยา

มีีีความหมายตามหลักไวยากรณ์ แต่ไม่มีความหมายของคำ
      
    ศัพท์ 

ความหมายของคำบอกหน้าที่ถูกกำหนดโดยการปรากฏตัวของคำ

    อื่นๆ

ไม่มีความหมายแต่ก็มีหน้าที่ของมัน




คำบอกหน้าที่แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้


1. Kata penyambung ayat (คำสันธาน)
           ⏺ Kata hubung  (คำเชื่อมคำและประโยค)


2. Kata praklausa (กลุ่มคำที่ปรากฏอยู่หน้าประโยคและปฏิบัติงาน เฉพาะอย่าง)
         Kata seru (คำอุทาน)
            Kata tanya (คำที่ใช้เพื่อถาม)
            Kata perintah (คำสั่งใช้)                 
           ⏺ Kata pembenar  (คำที่ใช้เพื่อการยอมรับ)
            Kata pangkal ayat  (คำเริ่มต้นประโยค)
                

3. Kata pascakata (คำที่ปรากฏอยู่หลังจากประโยคและปฏิบัติงานเฉพาะอย่าง)
           
           ⏺  Kata pembenda (คำอื่นที่ถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของคำนาม)
             Kata penekan    (คำที่ไปยืนยันและเสริมพลังความหมายประโยค) 
เช่น “แท้ที่จริงแล้ว” เป็นต้น
                 

4. Kata prafrasa ( คำที่ใช้นำหน้าประโยคหนึ่ง เพื่อให้สัมพันธ์กับอีกประโยคหนึ่ง)

            Kata bentu (บุพบทแสดงกาลเวลา และบอกความเกี่ยวเนื่องกัน)
           
           ⏺ Kata penguat (คำเสริมความหมายในด้านของการเพิ่มขึ้น)
 เช่น  สูงสุด เป็นต้น 
           
           ⏺ Kata penega(คำเสริมที่ใช้เพื่อการยืนยันความหมาย)
 เช่น เมื่อไหร่อีกละก้อนั้นเหละ,  แน่นอนสิ เป็นต้น 
           
           ⏺  Kata nafi (คำที่ใช้เพื่อปฏิเสธความหมาย)
           
           ⏺  Kata pemeri (คำที่อยู่หน้าประโยค ใช้เพื่ออธิบายความหมายประโยค)
เช่น สำหรับ,จริงๆแล้ว  เป็นต้น
           
           ⏺ Kata sendi nama (คำประสานประโยค) 
เช่น  ที่ ,กับ, ด้วย เป็นต้น)
           
           ⏺ Kata arah (คำบอกทิศทาง)
           
           ⏺ Kata bilangan (คำบอกจำนวน)
           
           ⏺ Kata adverba (คำวิเศษณ์)


ที่มา  http://junior17skyblue.wixsite.com/bahasa-melayu/blank-asdej

         http://chewyahobm.blogspot.com/

         http://thbmum.blogspot.com/2013/02/golongan-kata-1.html

C



วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

Kata Kerja


คำกริยา (KATA  KERJA)
   คำกริยา Kata Kerja  หมายถึง คำที่ใช้แสดงถึงการกระทำของผู้คน สัตว์ และสิ่งต่างๆ 

       คำกริยาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. คำกริยาต้องการกรรม  Kata Kerja Transitif

2. คำกริยาไม่ต้องการกรรม  Kata Kerja Tak Transitif


 ________________________________________________________

1. คำกริยาต้องการกรรม  Kata Kerja Transitif  คือ คำกริยาที่ต้องการส่วนขยายของคำนาม หรือ วลี

   
 สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท


 1.คำกริยาที่ต้องการกรรมโดยประธานเป็นผู้กระทำ (Kata Kerja Transitif Aktif)

 2.คำกริยาที่ต้องการกรรมโดยประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Kata Kerja Transitif Pasif)


                                     ________________________________________________________


1.คำกริยาที่ต้องการกรรมโดยประธานเป็นผู้กระทำ (Kata Kerja Transitif Aktif) คือ คำกริยาที่มีคำเติมหน้า-หลัง

ตัวอย่าง

Pak Abu menjala ikan. (นายอาบูทอดแหหาปลา)

Kucing itu menangkap seekor burung. (แมวตัวนั้นจับนกตัวหนึ่ง)

 perempuan itu menjual sayur. (ผู้หญิงคนนั้นขายผัก)


Subjek 
Kata kerja tak Transitif  
keterangan
Kami
mandi
di tasik itu.
Dia
senyum
semasa berjalan
Saya
menyanyi
dengan kuat
Hassan
berjalan
ke sekolah




2.คำกริยาที่ต้องการกรรมโดยประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Kata Kerja Transitif Pasif)คือ คำกริยาที่เปลี่ยนจากประโยค aktif เป็นประโยค pasif  

สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 

   1.ไม่ต้องการคำเติมหน้า-หลัง และใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 1และ2
   
   2.การเติมคำอุปสรรค di และใช้คำเชื่อม oleh เมื่อใช้แทนสรรพนามบุรุษที่ 3

ตัวอย่าง

 diangkat, diatasi, diberikan,    (ทำให้ยกขึ้น , ข้างบน , ทำให้ )



2. คำกริยาไม่ต้องการกรรม  Kata Kerja Tak Transitif
คือ คำกริยาที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีวลีมาขยาย

ตัวอย่าง

 Adik itu sedang tidur.   (สุนัขกำลังนอนหลับอยู่)

Kakak sedang lari.  (พี่สาวกำลังวิ่ง)


แหล่งที่มา :      เอกสารคำสอน วิชาไวยากรณ์ 1











Frasa Sendi Nama

Frasa  Sendi  Nama  (สรรพนามวลี) สรรพนามวลีี  ประกอบด้วยคำสรรพนามหนึ่งคำและนามวลีหนึ่งคำที่เป็นส่วนเติมเต็มให้ กับคำ สรรพนามนั้...